หลายคนอาจพอจะได้ยินข่าวดีว่า ธนาคารชาติ ประกาศปรับลดอัตราค่าดอกเบี้ยอีกแล้วครับ ซึ่งแนวโน้มอัตราค่าดอกเบี้ยคงจะต่ำลงอีก สหายๆที่ผ่อนผลิตภัณฑ์ต่างๆยกตัวอย่างเช่น บ้าน รถยนต์ มองเห็นอัตราค่าดอกเบี้ยที่น้อยลงมากมายแล้วเพื่อนฝูงๆคงจะต้องการจะได้อัตราค่าดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกที่เพื่อนพ้องๆกู้เงินกันอยู่กันแน่เลยใช่ไหมขอรับ ผมก็เลยต้องการขอชี้แนะกระบวนการทำรีไฟแนนซ์ขอรับ โดยจะบอกกลเม็ดแบบหมดเปลือกให้เพื่อนพ้องๆรู้ถึงขั้นตอนการรีไฟแนนซ์เช่นไรให้มีคุณภาพเยอะที่สุดขอรับ
"การรีไฟแนนซ์ที่ถูกควรจะเป็นการยืมเงินที่นำมาซึ่งคุณประโยชน์ต่อตัวผู้กู้เยอะที่สุด เมื่อเทียบอัตราส่วนค่าครองชีพรวมสุทธิทั้งสิ้นกับหนี้ที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมที่ผ่านมา"
เริ่มแรกผมขอชี้แจงของความหมายของกระบวนการทำรีไฟแนนซ์ให้เพื่อนฝูงๆได้รู้เรื่องกันก่อนครับ โดยทำรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การจ่ายเงินกู้ที่มีอยู่ในขณะนี้ทั้งปวงด้วยเงินกู้ยืมใหม่ และก็ใช้ทรัพย์สินตัวเดิมเป็นประกัน โดยขอกู้เงินจากสถาบันการเงินที่ใหม่เพื่อนำไปปลดภาระหน้าที่เงินกู้ยืมเก่าที่มีอยู่ เป็นต้นว่า รีไฟแนนซ์ในเรื่องที่พวกเราผ่อนบ้าน คอนโด หรือรถยนต์ไม่ไหว หมุนเงินไม่ทัน หนี้สินก้อนเดิมที่มีอยู่อัตราค่าดอกเบี้ยสูง หรือจำต้องชำระเงินงวดต่อเดือนสูง วัตถุประสงค์ของการรีไฟแนนซ์ ก็ได้แก่ พวกเราจะได้อัตราค่าดอกเบี้ยที่ต่ำลง ค่าผ่อนส่งที่จะต้องจ่ายต่อเดือนต่ำลง หรือช่วงเวลาติดหนี้ติดสินนานขึ้น โดยบางทีก็อาจจะขอกู้จากสถาบันทางด้านการเงินที่เป็นเจ้าหนี้รายเดิมหรือเป็นสถาบันการเงินเจ้าใหม่ก็ได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์ที่ถูกต้องเป็นการยืมเงินที่ก่อเกิดผลดีต่อตัวผู้กู้เยอะที่สุด เมื่อเทียบอัตราส่วนรายจ่ายรวมสุทธิทั้งสิ้นกับหนี้ที่เกิดขึ้นมาจากการกู้ยืมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ชี้แจงได้อย่างไม่ยากเย็นก็คือ เมื่อทำรีไฟแนนซ์มาแล้วหนี้สามารถต่ำลงจากของเดิมนั่นเองครับผม
ขอยกตัวอย่างข้อดีขอเสียสำหรับในการทำรีไฟแนนซ์ให้เพื่อนพ้องๆได้ใช้สำหรับในการตกลงใจมองครับผม
อัตราค่าดอกเบี้ยเงินกู้ยืมใหม่ที่ถูกกว่า ทำให้พวกเราผ่อนหนี้ได้ดอกถูกลงกว่าเดิม
บางครั้งบางทีอาจได้วงเงินกู้มากเพิ่มขึ้นกว่ายอดคงจะค้างเดิม
ลดภาระหน้าที่หนี้สิน ทำให้จำนวนเงินที่จำต้องผ่อนต่อเดือนน้อยลง
ได้เงินส่วนแตกต่างจากอัตราค่าดอกเบี้ยที่น้อยลง ทำให้มีเงินเหลือกินเหลือใช้จ่ายส่วนอื่นๆที่จำเป็นต้องได้มากขึ้น สามารถนำไปหมุนวนใช้จ่ายหรือเวียนในธุรกิจได้
ข้อตำหนิของกระบวนการทำรีไฟแนนซ์
ทำให้ช่วงเวลาผ่อนหนี้นานขึ้น
เสียค่าจัดรีไฟแนนซ์ใหม่ เสียค่าใช้จ่ายต่างๆสำหรับเพื่อการดำเนินงาน เสียเวล่ำเวลา รวมทั้งบางทีอาจจำเป็นต้องชำระค่าปรับแม้มีการไถ่คืนก่อน
มีความยุ่งยากสำหรับเพื่อการจัดแจงเอกสาร ตัวอย่างเช่น เอกสารเกี่ยวกับรายได้ของผู้กู้ แม้ตอนนี้ผู้กู้ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ไม่อาจจะหาเอกสารที่การันตีรายได้ของตัวเอง อาจจะก่อให้ไม่สามารถที่จะกระทำการรีไฟแนนซ์ได้
เมื่อเพื่อนฝูงๆได้ทดลองชั่งน้ำหนักระหว่างจุดเด่น รวมทั้งข้อด้อยสำหรับเพื่อการทำรีไฟแนนซ์แล้ว ตกลงใจที่จะกระทำรีไฟแนนซ์ ผมต้องการจะเสนอแนะขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ยังไงให้มีคุณภาพสูงที่สุด โดยจะขอยกตัวอย่างกรณีการรีไฟแนนซ์ของสินเชื่อบ้าน ดังต่อไปนี้ขอรับ
เคล็ดลับกรรมวิธีการรีไฟแนนซ์ของสินเชื่อบ้าน
อันดับแรก ที่ต้องการให้เพื่อนพ้องพินิจเป็นลำดับแรก เป็น ตรวจตรากับแบงค์ว่าได้ให้อัตราค่าดอกเบี้ยน้อยที่สุด ในข้อตกลงที่ดีเยี่ยมที่สุด ซึ่งผมต้องการจะขอเสนอแนะเพื่อนฝูงๆให้ทดลองใคร่ครวญสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ของแบงค์กรุงศรีอยุธยามอง ซึ่งเป็นสินเชื่อที่น่าดึงดูดตัวหนึ่งเลยขอรับ เพื่อนฝูงๆสามารถเข้าไปหาข้อมูลต่างๆโดยเนื้อหา ทดลองดูแบบอย่างตามถึงที่เหมาะนี่เลยครับผม
ขั้นลำดับที่สอง เมื่อได้ข้อมูลอัตราค่าดอกเบี้ยจากสถาบันด้านการเงินต่างๆมาแล้ว ก็มาถึงกระบวนการคำนวณ โดยสหายๆจำเป็นที่จะต้องนำข้อมูลสินเชื่อในคำสัญญาเก่ากู้ซื้อบ้านอันเก่าที่ยังคงคงเหลือเอามาเปรียบเทียบกับคำสัญญาเงินกู้ยืมที่จะรีไฟแนนซ์ฉบับใหม่ (ค่าผ่อนส่งเก่า – ค่าผ่อนส่งใหม่) พินิจพิเคราะห์มองว่าเมื่อรีไฟแนนซ์แล้ว จะอดออมค่าผ่อนส่งลงได้มากมายไหม ทดลองใช้วัสดุนี้คำนวณดูกรเลยครับผม หากคำนวณแล้วมัธยัสถ์ไปได้มากเลย สหายๆก็ตกลงใจยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์กับแบงค์ที่สหายๆคำนวณมีความคิดเห็นว่าคุ้มที่สุด
ขั้นลำดับที่สาม ติดต่อแบงค์เก่าเพื่อขอสเตทเมนต์สรุปยอดหนี้สินเงินกู้ยืม แล้วก็นำเอกสารสรุปยอดหนี้สินที่ได้มาไปทำเรื่องยื่นกู้กับแบงค์ใหม่ที่พวกเราจะขอรีไฟแนนซ์
ขั้นลำดับที่สี่ ทำเรื่องยื่นกู้ใหม่กับแบงค์ใหม่ที่พวกเราจะขอรีไฟแนนซ์ ซึ่งวิธีการรีไฟแนนซ์นั้นอย่างกับการขอสินเชื่อใหม่อย่างเดิมทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะครับ
ขั้นที่ห้า คอยผลอนุมัติจากแบงค์ที่ยื่นกู้ใหม่
ขั้นที่หก เมื่อแบงค์อนุมัติแล้วให้สหายๆติดต่อแบงค์เก่า เพื่อนัดวันไถ่คืนที่ที่ทำการที่ดิน ซึ่งแบงค์เดิมจะสรุปยอดหนี้สินให้อีกรอบ และแจ้งชื่อผู้รับมอบอำนาจของทางแบงค์ที่จะไปทำนิติกรรมที่ที่ทำการที่ดิน พวกเราจำเป็นต้องแจ้งยอดหนี้สิน เป็นเงินต้นรวมดอกจนกระทั่งวันไถ่คืนแก่แบงค์ใหม่
ขั้นที่เจ็ด ติดต่อนัดหมายแบงค์ใหม่ เพื่อนัดวันทำความตกลงและก็โอนสมบัติพัสถานที่ใช้จำนำควรเป็นวันเดียวกันกับที่นัดหมายกับที่เดิมไว้
ขั้นที่แปด ทำเรื่องโอนที่ ณ ที่ทำการที่ดินในเขตที่บ้านของพวกเราตั้งอยู่ กระทำจ่ายรายจ่ายต่างๆให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยถ้าเกิดยอดกู้สูงยิ่งกว่าราคาไถ่คืน แบงค์ใหม่จะออกเช็คให้พวกเรา 2 ใบ ใบหนึ่งจ่ายให้กับแบงค์เก่า และก็อีกใบหนึ่งให้พวกเรา เมื่อชำระเงินเป็นระเบียบแล้ว มอบโฉนดที่ได้มาจากที่ทำการที่ดินให้กับแบงค์ใหม่ที่พวกเราเป็นหนี้เป็นสิน ก็จัดว่ารีไฟแนนซ์เสร็จสมบูรณ์ พวกเราก็จะเป็นหนี้เป็นสินกับแบงค์ใหม่แล้วครับ แต่ว่าจะได้อัตราค่าดอกเบี้ยที่ต่ำลง มัธยัสถ์ได้มากขึ้นครับ
รายจ่ายสำหรับเพื่อการรีไฟแนนซ์
ซึ่งสหายๆควรที่จะนำมาใคร่ครวญสำหรับเพื่อการขอรีไฟแนนซ์ เพื่อประเมินว่าคุ้มไหม ค่าใช้สอยมีดังนี้
ค่าเสียหายการคืนเงินกู้ยืมก่อนที่จะครบกำหนดตามคำสัญญาที่มีอยู่ ราว 2-3% ของวงเงินกู้ทั้งยังปริมาณ โดยบางที่คิดจากมูลหนี้สินที่เหลืออยู่ (จ่ายให้กับผู้ให้กู้เดิม ถ้าหากรีไฟแนนซ์ทั้งยังก้อนก่อนถึงกำหนด 3 ปี)
ค่าจัดแจงสินเชื่อตามข้อตกลงใหม่ ราวๆ 0-1% ของวงเงินกู้ใหม่ (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่)
ค่าธรรมเนียมสำหรับการจำนำ โดยประมาณ 1% ของราคาประเมิน (ไม่เกิน 200,000 บาท) (จ่ายให้กับกรมที่ดิน และไม่จำต้องจ่ายถ้าหากรีไฟแนนซ์กับที่เดิม)
ค่าคิดราคาหลักประกัน ราวๆ 2,500 บาท-0.25% ของราคาประเมิน (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่ และก็บางทีอาจไม่ต้องจ่ายถ้าเกิดรีไฟแนนซ์กับที่เดิม)
ค่าทำรับรองไฟไหม้ ราวๆ 2,000 บาทสำหรับบ้านราคา 1 ล้านบาท (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่)
ค่าอากรแสตมป์ ราวๆ 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่ (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่)
โดยผมต้องการชี้แนะเทคนิค สำหรับการพิเคราะห์ว่าการรีไฟแนนซ์แต่ละครั้งจะคุ้มหรือเปล่า โดยเพื่อนพ้องๆควรจะพิเคราะห์มองส่วนต่างที่ออมได้จากอัตราค่าดอกเบี้ยที่ลดน้อยลง (เปรียบจากค่าผ่อนส่งที่จำเป็นต้องผ่อนระหว่างแบงค์เดิมรวมทั้งแบงค์ใหม่) รวมทั้งรายจ่ายที่เกิดจากการรีไฟแนนซ์และก็จุดคืนทุนของการรีไฟแนนซ์ ถ้าหากสหายพินิจต้นเหตุต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้วคุ้ม ก็ฝ่าเลยขอรับ เวลาไม่เคยรอคนใดครับผม
ติดต่อ สอบถามรีไฟแนนซ์รถยนต์

